BTU คืออะไร เกี่ยวข้องกับแอร์อย่างไร? ทำความเข้าใจก่อนติดตั้งแอร์

BTU-คืออะไร-เกี่ยวข้องกับแอร์อย่างไร_-ทำความเข้าใจก่อนติดตั้งแอร์

BTU คืออะไร เกี่ยวข้องกับแอร์อย่างไร? ทำความเข้าใจก่อนติดตั้งแอร์

การเลือก BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับห้องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานและเงินค่าไฟได้อีกด้วย หากคุณต้องการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศสักเครื่อง อย่าลืมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ BTU ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้เครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับความต้องการและการใช้งานของคุณ

BTU คืออะไร

BTU ย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit เป็นหน่วยวัดปริมาณความร้อนตามมาตรฐานสากล มีค่าเท่ากับปริมาณความร้อนที่จำเป็นในการเปลี่ยนอุณหภูมิของน้ำหนึ่งปอนด์ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงหนึ่งองศาฟาเรนไฮต์ ความร้อนเป็นพลังงานหนึ่งรูปแบบที่สามารถเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานชนิดอื่น เช่น ไฟฟ้า, แสง, หรือพลังงานกล นี่คือเหตุผลที่เครื่องปรับอากาศใช้หน่วยวัด BTU ในการวัดความสามารถในการทำความเย็น โดยเฉพาะ BTU/h (บีทียูต่อชั่วโมง) ซึ่งหมายถึงปริมาณความร้อนที่เครื่องปรับอากาศสามารถดูดออกจากห้องได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

หน่วย BTU มักใช้กับเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นอื่นๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นหน่วยวัดที่ทำให้การคำนวณและการเปรียบเทียบความสามารถในการทำความเย็นของอุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างง่ายดาย ในขณะที่ในชีวิตประจำวันเราอาจใช้หน่วยอุณหภูมิเป็นองศาเซลเซียส แต่หน่วย BTU ก็ยังคงเป็นมาตรฐานที่สำคัญในอุตสาหกรรมทำความเย็นและปรับอากาศ

BTU เกี่ยวข้องกับแอร์อย่างไร

BTU เกี่ยวข้องกับแอร์ในด้านความสามารถในการทำความเย็นของแอร์ โดย BTU ที่สูงขึ้น หมายถึงความสามารถในการทำความเย็นที่สูงขึ้นเช่นกัน และสามารถทำความเย็นได้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่แอร์ที่มี BTU สูงก็มักจะกินไฟมากขึ้นตามไปด้วย

ถ้า BTU สูงเกินไป

หาก BTU สูงเกินไป เครื่องปรับอากาศจะทำงานหนักเกินไป กินไฟมาก และทำให้ห้องแห้งเกินไป ตัวอย่างเช่น ห้องนอนของคุณมีขนาด 12 ตารางเมตร แต่คุณเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงถึง 24,000 BTU จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไป กินไฟมาก และทำให้ห้องแห้งเกินไป

ถ้า BTU ต่ำเกินไป

หาก BTU ต่ำเกินไป เครื่องปรับอากาศจะทำงานไม่เต็มที่ ไม่สามารถทำความเย็นห้องได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น ห้องนอนของคุณมีขนาด 12 ตารางเมตร แต่คุณเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเพียง 6,000 BTU จะทำให้เครื่องปรับอากาศไม่สามารถทำความเย็นห้องได้ตามต้องการ

ดังนั้น BTU จึงมีความสำคัญต่อเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่กำหนดความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ 

วิธีเลือก BTU ให้เหมาะสมกับห้อง

การเลือก BTU ขนาดแอร์ให้เหมาะสมกับห้อง สามารถทำได้โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดห้อง ทิศห้อง ทิศทางลม สภาพอากาศ เฟอร์นิเจอร์ และจำนวนคนในห้อง เป็นต้น

โดยทั่วไป การเลือก BTU ขนาดแอร์ให้เหมาะสมกับห้อง สามารถทำได้โดยคำนวณจากสูตรดังนี้

BTU = พื้นที่ห้อง (เมตร²) x ตัวแปรความแตกต่าง

  • ตัวแปรความแตกต่างจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
    • ห้องที่มีความร้อนน้อยใช้เฉพาะกลางคืน = 650 – 700
    • ห้องที่มีความร้อนมากใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน = 800 – 900

ตัวอย่างเช่น ห้องนอนของคุณมีขนาด 3 x 4 เมตร หรือ 12 ตารางเมตร ต้องการใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงกลางวันและกลางคืน ตัวแปรความแตกต่าง = 800

ตัวอย่าง BTU ขนาดแอร์สำหรับห้องต่างๆ

  • ห้องนอนขนาด 12 ตารางเมตร : 9,600 – 12,000 BTU
  • ห้องนั่งเล่นขนาด 20 ตารางเมตร : 16,000 – 24,000 BTU
  • ห้องครัวขนาด 15 ตารางเมตร : 12,000 – 18,000 BTU
  • ห้องทำงานขนาด 10 ตารางเมตร : 8,000 – 10,000 BTU

เคล็ดลับในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ

การเลือกเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่การเลือกขนาด BTU ที่สอดคล้องกับขนาดของห้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพื่อให้ได้เครื่องปรับอากาศที่ประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้:

  1. เลือกเครื่องที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5: การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเครื่องนั้นมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดี ซึ่งหมายความว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้าในระยะยาว
  2. การเลือกเครื่องปรับอากาศแบบ Inverter: เครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Inverter สามารถปรับความเร็วของคอมเพรสเซอร์ได้ตามความต้องการ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและทำให้เครื่องทำงานได้อย่างเงียบสงบยิ่งขึ้น
  3. โหมด Sleep Mode: การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีโหมด Sleep Mode เป็นลักษณะพิเศษที่ช่วยประหยัดพลังงานในขณะที่คุณนอนหลับ โดยการปรับอุณหภูมิและการทำงานของเครื่องให้เหมาะสมกับเวลากลางคืน นอกจากนี้ยังช่วยลดเสียงรบกวนจากเครื่องปรับอากาศในเวลากลางคืนด้วย

นอกจากนี้ การพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น คุณภาพของอากาศที่เครื่องปรับอากาศสร้างขึ้น, ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา, และความทนทานของอุปกรณ์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้คุณได้เครื่องที่ตอบโจทย์ความต้องการและมีประสิทธิภาพในระยะยาว

สรุป

BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit เป็นหน่วยวัดปริมาณความร้อน เครื่องปรับอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ทำความเย็น โดยดูดความร้อนออกจากห้องและระบายออกไปภายนอก ความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศจะวัดเป็น BTU/h ซึ่งหมายถึงปริมาณความร้อนที่เครื่องปรับอากาศสามารถดูดออกจากห้องได้ภายใน 1 ชั่วโมง

ดังนั้น BTU จึงมีความสำคัญต่อเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่กำหนดความสามารถในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ หาก BTU สูงเกินไป เครื่องปรับอากาศจะทำงานหนักเกินไป กินไฟมาก และทำให้ห้องแห้งเกินไป หาก BTU ต่ำเกินไป เครื่องปรับอากาศจะทำงานไม่เต็มที่ ไม่สามารถทำความเย็นห้องได้ตามต้องการ

การเลือก BTU ขนาดแอร์ให้เหมาะสมกับห้อง เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน สามารถทำได้โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดห้อง ทิศห้อง ทิศทางลม สภาพอากาศ เฟอร์นิเจอร์ และจำนวนคนในห้อง

ก่อนติดตั้งเครื่องปรับอากาศ จำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ BTU เสียก่อน เพื่อให้เลือกซื้อเครื่องปรับอากาศได้เหมาะสมกับความต้องการ

หากสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องแอร์ ทักไปสอบถามได้ที่เพจ facebook: วัฒนาแอร์ แอร์บ้านราคาถูกที่สุด ล้าง ซ่อม ย้าย