แอร์มีน้ำแข็งเกาะ เป็นสัญญาณเตือนที่หลายคนมองข้าม แต่อาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงของเครื่องปรับอากาศหากปล่อยไว้ ปัญหานี้ทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลงและค่าไฟพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ คุณอาจแก้ไขเบื้องต้นได้เองหรือต้องเรียกช่างด่วน? บทความนี้มีคำตอบ
ทำไมแอร์ถึงมีน้ำแข็งเกาะ? สาเหตุที่คุณอาจไม่เคยรู้
การที่แอร์มีน้ำแข็งเกาะไม่ใช่เรื่องปกติและมักบ่งบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติในระบบการทำงาน เมื่อแอร์ทำงานปกติ อากาศจะไหลผ่านคอยล์เย็น (Evaporator Coil) ซึ่งมีความเย็นจัด ทำให้ความชื้นในอากาศกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ำ แต่ถ้าอุณหภูมิที่คอยล์เย็นต่ำเกินไป หยดน้ำเหล่านี้จะกลายเป็นน้ำแข็ง
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้แอร์มีน้ำแข็งเกาะมีดังนี้:
- แอร์ขาดการดูแลรักษา – ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสมในฟิลเตอร์หรือคอยล์เย็นจะขัดขวางการไหลเวียนของอากาศ ทำให้คอยล์เย็นเย็นเกินไปจนกลายเป็นน้ำแข็ง
- น้ำยาแอร์รั่วหรือต่ำเกินไป – เมื่อปริมาณน้ำยาแอร์ (สารทำความเย็น) ไม่เพียงพอ แรงดันในระบบจะต่ำลง ทำให้อุณหภูมิที่คอยล์เย็นลดต่ำลงมากจนทำให้ความชื้นกลายเป็นน้ำแข็ง
- การไหลเวียนของอากาศไม่ดี – อาจเกิดจากพัดลมทำงานผิดปกติ ช่องลมอุดตัน หรือการติดตั้งท่อลมที่ไม่เหมาะสม ทำให้อากาศเย็นไม่สามารถไหลเวียนได้ดี
- การตั้งค่าอุณหภูมิต่ำเกินไป – การตั้งอุณหภูมิต่ำเกินไป (เช่น 18 องศาหรือต่ำกว่า) ในวันที่อากาศชื้นมาก อาจทำให้คอยล์เย็นเย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง
- อุปกรณ์ควบคุมทำงานผิดปกติ – เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิหรือวาล์วขยายตัวที่ทำงานผิดปกติ อาจทำให้ระบบควบคุมอุณหภูมิเสียสมดุล
วิธีแก้ไขเบื้องต้นด้วยตัวเอง
หากคุณพบว่าแอร์มีน้ำแข็งเกาะ ไม่ต้องตกใจไปค่ะ มีหลายวิธีที่คุณสามารถลองแก้ไขด้วยตัวเองก่อนโทรเรียกช่าง:
1. ปิดแอร์และเปิดพัดลมอย่างเดียว
วิธีแรกและง่ายที่สุดคือการปิดระบบทำความเย็น (คอมเพรสเซอร์) แต่เปิดพัดลมต่อไป เพื่อละลายน้ำแข็งที่เกาะอยู่ การทำแบบนี้อาจใช้เวลาตั้งแต่ 1-2 ชั่วโมงไปจนถึงหลายชั่วโมงขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำแข็ง อย่าลืมวางผ้าหรือภาชนะรองน้ำที่จะไหลออกมาด้วยนะคะ
2. ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนฟิลเตอร์
ฟิลเตอร์ที่สกปรกเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้การไหลเวียนของอากาศไม่ดี ลองถอดฟิลเตอร์ออกมาทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ตากให้แห้งสนิทก่อนใส่กลับเข้าไป หรือหากฟิลเตอร์เสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ซึ่งหาซื้อได้ไม่ยากตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป
3. ตรวจสอบการอุดตันของช่องลม
เช็คดูว่ามีสิ่งกีดขวางหน้าช่องลมเข้าและช่องลมออกหรือไม่ ทั้งที่ตัวเครื่องภายในและภายนอกอาคาร การวางเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของปิดกั้นช่องลม ม่านหรือผ้าม่านที่ปิดคลุมช่องลม ล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของแอร์
4. ปรับการตั้งค่าอุณหภูมิให้สูงขึ้น
ลองปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นสัก 24-25 องศา โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง การตั้งค่าที่สูงขึ้นเล็กน้อยจะช่วยป้องกันการเกิดน้ำแข็งบนคอยล์เย็นและยังช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย
5. ทำความสะอาดคอยล์แฟนคอยล์เบื้องต้น
หากคุณรู้สึกว่าพอจะทำได้ ลองใช้แปรงขนอ่อนหรือเครื่องดูดฝุ่นแบบหัวแปรงปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามแผงคอยล์เย็นด้านในเบาๆ แต่ต้องระวังไม่ให้งอหรือบุบเพราะแผงคอยล์ค่อนข้างบอบบาง และอย่าลืมปิดเครื่องและถอดปลั๊กก่อนทำความสะอาดทุกครั้ง
เมื่อไหร่ที่ควรโทรเรียกช่างมืออาชีพ?
แม้ว่าจะมีวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่คุณทำเองได้ แต่ก็มีบางกรณีที่จำเป็นต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแล:
- แก้ไขเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น – หากคุณได้ลองทำตามวิธีข้างต้นแล้ว แต่แอร์ยังคงมีน้ำแข็งเกาะซ้ำอีก
- สงสัยว่าน้ำยาแอร์รั่วหรือพร่อง – หากเครื่องปรับอากาศทำความเย็นได้ไม่ค่อยดี มีเสียงผิดปกติ หรือมีน้ำแข็งเกาะบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณว่าน้ำยาแอร์มีปัญหา
- มีน้ำหรือของเหลวรั่วซึมออกมามาก – โดยเฉพาะหากมีสีหรือกลิ่นผิดปกติ
- มีเสียงดังผิดปกติ – เช่น เสียงกระแทก เสียงพัดลมไม่เรียบ หรือเสียงคอมเพรสเซอร์ทำงานผิดปกติ
- ระบบไฟฟ้ามีปัญหา – เช่น เบรกเกอร์ตัดบ่อย ไฟกระพริบเมื่อเปิดแอร์ หรือมีกลิ่นไหม้
- แอร์ไม่ได้รับการล้างหรือบำรุงรักษามานานกว่า 1 ปี – การล้างเครื่องปรับอากาศประจำปีโดยช่างมืออาชีพจะช่วยป้องกันปัญหาต่างๆ รวมถึงปัญหาน้ำแข็งเกาะด้วย
คำแนะนำในการดูแลรักษาเพื่อป้องกันปัญหาน้ำแข็งเกาะในอนาคต
การบำรุงรักษาแอร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาน้ำแข็งเกาะและยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ นี่คือสิ่งที่คุณควรทำ:
- ทำความสะอาดฟิลเตอร์ทุกเดือน – หรือบ่อยกว่านั้นหากบ้านคุณมีฝุ่นมาก มีสัตว์เลี้ยง หรือตั้งอยู่ใกล้ถนนที่มีการจราจรคับคั่ง
- จัดการให้มีการไหลเวียนของอากาศที่ดี – อย่าวางสิ่งของปิดกั้นช่องลมเข้าออก และหมั่นตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งกีดขวางรอบๆ เครื่องภายนอกอาคาร
- ล้างแอร์ปีละ 1-2 ครั้ง – การล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศโดยช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยปีละครั้งจะช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน
- ใช้งานแอร์อย่างฉลาด – ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม (24-26 องศา) ใช้ระบบตั้งเวลาเพื่อไม่ให้เปิดทิ้งไว้นานเกินไป และใช้พัดลมร่วมด้วยเพื่อช่วยกระจายความเย็น
- ปิดแอร์เมื่อเปิดประตูหรือหน้าต่างเป็นเวลานาน – การเปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ขณะเปิดแอร์จะทำให้ความชื้นจากภายนอกเข้ามา ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสการเกิดน้ำแข็งเกาะบนคอยล์เย็น
สรุป: แก้ไขเองหรือเรียกช่างดี?
ปัญหาแอร์มีน้ำแข็งเกาะนั้น หากเป็นปัญหาเล็กน้อยที่เกิดจากฟิลเตอร์สกปรกหรือการตั้งค่าอุณหภูมิต่ำเกินไป คุณสามารถแก้ไขเองได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่เราแนะนำข้างต้น แต่หากปัญหายังคงเกิดซ้ำหรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ก็ถึงเวลาที่ควรโทรหาช่างมืออาชีพแล้วล่ะ
การดูแลบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีไม่เพียงช่วยป้องกันปัญหาน้ำแข็งเกาะเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าไฟ ยืดอายุการใช้งาน และรักษาคุณภาพอากาศภายในบ้านของคุณอีกด้วย
เมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือจากช่างมืออาชีพ ร้านวัฒนาแอร์พร้อมให้บริการ! เรามีทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมและมีประสบการณ์สูง พร้อมอุปกรณ์ทันสมัยในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาแอร์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการล้างทำความสะอาด เติมน้ำยาแอร์ ตรวจเช็คและซ่อมแซมระบบ หรือแม้แต่การติดตั้งเครื่องใหม่
ร้านวัฒนาแอร์ให้บริการด้วยความรวดเร็ว ราคายุติธรรม และรับประกันงานซ่อมทุกรายการ โทรหาเราได้เลยที่ [084-139-5238] หรือติดต่อผ่านไลน์ @wattanaair เรายินดีให้คำปรึกษาฟรีและพร้อมดูแลเครื่องปรับอากาศของคุณให้เย็นฉ่ำ ประหยัดไฟ ตลอดอายุการใช้งาน!