ยิ่งอากาศร้อน แอร์ยิ่งกินไฟมาก! สาเหตุมาจากอะไร?

The-hotter-the-weather-the-more-electricity-the-air-conditioner-uses

ยิ่งอากาศร้อน แอร์ยิ่งกินไฟมาก ทั้งๆ ที่เราใช้แอร์ในเวลาเท่าเดิม อุณหภูมิเท่าเดิม แต่ค่าไฟกลับแพงขึ้นเป็นเท่าตัว! วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันว่า “ยิ่งอากาศร้อน แอร์ยิ่งกินไฟมาก” เป็นเรื่องจริงหรือไม่ พร้อมแนะนำวิธีรับมือกับปัญหานี้แบบเข้าใจง่ายๆ เพื่อให้คุณประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น แม้ในวันที่อากาศร้อนระอุก็ตาม!

ในช่วงที่อุณหภูมิพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส หลายคนคงรู้สึกว่าแอร์ทำงานหนักขึ้น เสียงดังกว่าปกติ และนั่นอาจเป็นสัญญาณว่าแอร์กำลังกินไฟมากขึ้นจริงๆ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? และเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน!

หลักการทำงานของแอร์: ทำไมอากาศร้อนทำให้แอร์กินไฟมากขึ้น

เริ่มกันที่หลักการทำงานพื้นฐานของแอร์กันก่อน แอร์ทำงานด้วยหลักการดึงความร้อนจากภายในห้องไประบายออกสู่ภายนอก โดยใช้สารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์เป็นตัวกลาง กระบวนการนี้จะวนไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้เย็นตามที่เราตั้งค่าไว้

เมื่ออากาศภายนอกร้อนจัด แอร์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อระบายความร้อนออกไป เหมือนกับเราพยายามเทน้ำร้อนออกจากแก้ว แต่มีคนเติมน้ำร้อนเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งอากาศข้างนอกร้อนเท่าไหร่ แอร์ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นเท่านั้นเพื่อรักษาอุณหภูมิในห้องให้เย็นสบาย

จริงๆ แล้ว ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิภายในและภายนอกห้องคือปัจจัยสำคัญที่สุด ยิ่งความแตกต่างมากเท่าไหร่ แอร์ก็ต้องทำงานหนักขึ้นเท่านั้น สมมติว่าเราตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศา:

  • ถ้าอากาศข้างนอก 30 องศา แอร์ต้องลดอุณหภูมิลง 5 องศา
  • แต่ถ้าอากาศข้างนอก 40 องศา แอร์ต้องลดอุณหภูมิถึง 15 องศา!

นี่คือเหตุผลว่าทำไมในวันที่อากาศร้อนจัด แอร์จึงกินไฟมากกว่าปกติถึง 20-30% เลยทีเดียว!

วิธีประหยัดค่าไฟแอร์ในช่วงหน้าร้อน

เมื่อรู้แล้วว่าทำไมแอร์ถึงกินไฟมากในหน้าร้อน มาดูวิธีประหยัดค่าไฟกันดีกว่า:

  1. ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม – การตั้งอุณหภูมิที่ 25-26 องศาเซลเซียสเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่เย็นเกินไปและช่วยประหยัดไฟได้มาก การตั้งอุณหภูมิต่ำเกินไป (เช่น 18-20 องศา) จะทำให้แอร์ทำงานหนักและกินไฟมหาศาล โดยทุกๆ 1 องศาที่คุณเพิ่มขึ้นจะช่วยประหยัดพลังงานได้ประมาณ 5-10%
  2. ใช้ฉนวนกันความร้อน – การติดฉนวนที่ผนัง หลังคา หรือการใช้ฟิล์มกันความร้อนที่กระจกจะช่วยลดความร้อนที่เข้ามาในบ้าน ทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
  3. ปิดม่านหรือมู่ลี่ในช่วงกลางวัน – การปิดม่านหรือมู่ลี่เพื่อบังแสงแดดโดยตรงจะช่วยลดความร้อนที่เข้ามาในห้องได้มาก ลองใช้ม่านสีอ่อนหรือม่านกันแดดโดยเฉพาะ
  4. ล้างและบำรุงรักษาแอร์สม่ำเสมอ – การล้างแอร์อย่างน้อยทุก 3-6 เดือนจะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสมในแอร์จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงและกินไฟมากขึ้น
  5. ใช้พัดลมร่วมกับแอร์ – การเปิดพัดลมเพดานหรือพัดลมตั้งพื้นช่วยกระจายความเย็นทั่วห้อง ทำให้รู้สึกเย็นสบายแม้จะตั้งอุณหภูมิแอร์สูงขึ้น ช่วยประหยัดไฟได้ถึง 15-20%
  6. ใช้โหมดประหยัดพลังงาน (ECO Mode) – แอร์รุ่นใหม่มักมีโหมดประหยัดพลังงานที่จะควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสม ช่วยประหยัดไฟได้ 5-10%
  7. ติดตั้งแอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสม – หลีกเลี่ยงการติดตั้งคอยล์ร้อน (ส่วนนอกบ้าน) ในที่ที่โดนแดดโดยตรง หากเลี่ยงไม่ได้ ควรทำที่บังแดดให้

แอร์รุ่นใหม่ VS แอร์รุ่นเก่า: เปรียบเทียบการกินไฟในอากาศร้อน

หลายคนอาจสงสัยว่าแอร์รุ่นใหม่จะช่วยประหยัดค่าไฟในช่วงอากาศร้อนได้จริงหรือไม่ คำตอบคือใช่! แอร์รุ่นใหม่โดยเฉพาะแอร์อินเวอร์เตอร์มีประสิทธิภาพสูงกว่าแอร์รุ่นเก่ามาก มาดูการเปรียบเทียบกัน:

แอร์ธรรมดา (Fixed Speed)

แอร์รุ่นเก่าจะทำงานแบบเปิด-ปิดคอมเพรสเซอร์ เมื่ออากาศร้อน คอมเพรสเซอร์จะทำงานต่อเนื่องเกือบตลอดเวลา ทำให้กินไฟมาก ในสภาพอากาศร้อนจัด แอร์ธรรมดาจะกินไฟเพิ่มขึ้นถึง 30-40%

แอร์อินเวอร์เตอร์ (Inverter)

แอร์รุ่นใหม่จะปรับความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์ตามภาระการทำความเย็น เมื่ออากาศร้อน แทนที่จะทำงานแบบเต็มกำลังตลอด จะค่อยๆ เพิ่มกำลังการทำงาน ทำให้ประหยัดไฟได้มากกว่า ในสภาพอากาศเดียวกัน แอร์อินเวอร์เตอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้น

มาตรวัดประสิทธิภาพที่ควรรู้เมื่อเลือกซื้อแอร์ใหม่

หากคุณกำลังวางแผนเปลี่ยนแอร์เพื่อรับมือกับปัญหาค่าไฟพุ่งในหน้าร้อน ควรทำความเข้าใจค่ามาตรวัดประสิทธิภาพเหล่านี้:

  • ค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) – ยิ่งค่า SEER สูง แอร์ยิ่งประหยัดไฟ โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง แอร์ทั่วไปจะมีค่า SEER ประมาณ 10-12 แต่แอร์ประสิทธิภาพสูงจะมีค่า SEER 16-20 หรือสูงกว่า
  • ค่า EER (Energy Efficiency Ratio) – คล้ายกับ SEER แต่วัดที่จุดเดียว (ไม่ได้วัดตลอดฤดูกาล) แอร์ที่มีค่า EER สูงจะทำงานได้ดีแม้ในวันที่อากาศร้อนจัด
  • ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 – ในประเทศไทย แอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะกินไฟน้อยกว่าแอร์ทั่วไปประมาณ 20-30% และจะช่วยประหยัดไฟได้มากในช่วงหน้าร้อน
  • ค่า BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง – การเลือกแอร์ที่มีขนาด BTU เหมาะสมกับห้องก็สำคัญมาก แอร์ที่มีขนาดเล็กเกินไปจะทำงานหนักตลอดเวลาในวันที่อากาศร้อน ส่วนแอร์ที่ใหญ่เกินไปจะเปิด-ปิดบ่อยและสิ้นเปลืองพลังงาน

สรุป: จริงหรือไม่ที่ยิ่งอากาศร้อน แอร์ยิ่งกินไฟมาก

จากข้อมูลทั้งหมดที่เราได้พูดคุยกัน สามารถสรุปได้ว่า “ยิ่งอากาศร้อน แอร์ยิ่งกินไฟมาก” เป็นเรื่องจริง 100% เนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิภายนอกและภายในห้องมีผลโดยตรงต่อการทำงานของแอร์ เมื่ออากาศร้อนจัด แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น ใช้พลังงานมากขึ้น และส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เราสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้ด้วยการเลือกใช้แอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง บำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และปรับพฤติกรรมการใช้งานให้เหมาะสม แม้ในวันที่อากาศร้อนระอุ คุณก็ยังสามารถประหยัดค่าไฟได้โดยไม่ต้องทนร้อน!

หากคุณกำลังประสบปัญหาแอร์กินไฟเยอะในช่วงหน้าร้อน หรือกำลังมองหาแอร์รุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงาน “ร้านวัฒนาแอร์” คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ! ร้านวัฒนาแอร์เป็นผู้ให้บริการด้านเครื่องปรับอากาศครบวงจร ทั้งจำหน่าย ติดตั้ง ซ่อมบำรุง และให้คำปรึกษา โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี.