ในช่วงเวลาที่หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า กลายเป็นประเด็นสำคัญที่หลายครอบครัวให้ความสนใจ หนึ่งในวิธีที่มักได้ยินกันบ่อยๆ คือการสับสวิตช์หรือดึงเบรกเกอร์ลงหลังจากปิดเครื่องปรับอากาศ ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ แต่วิธีนี้จะช่วยประหยัดได้จริงหรือไม่ และคุ้มค่ากับความพยายามหรือเปล่า? เรามาไขข้อข้องใจนี้กัน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าวิธีนี้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของคุณหรือไม่ และมีวิธีไหนที่อาจจะช่วยประหยัดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
เบรกเกอร์คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญกับแอร์?
ก่อนจะไปถึงเรื่องการสับเบรกเกอร์ เรามาทำความรู้จักกับเจ้าเบรกเกอร์กันก่อนดีกว่า!
- เบรกเกอร์ก็คือ สวิตช์ตัดไฟอัตโนมัติที่ติดตั้งอยู่ในตู้ควบคุมไฟฟ้าของบ้านเรานั่นเอง มันทำหน้าที่เหมือนเป็น “ยาม” คอยเฝ้าระวังไม่ให้กระแสไฟฟ้าเกินกำลัง หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- สำหรับแอร์นั้น เบรกเกอร์มีความสำคัญมาก ๆ เลยนะครับ เพราะแอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะ ถ้าไม่มีเบรกเกอร์คอยควบคุม อาจทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าเกินกำลังหรือลัดวงจรได้ง่าย ๆ
- แต่ทีนี้ มาดูกันว่าการสับเบรกเกอร์หลังปิดแอร์จะช่วยประหยัดไฟได้จริงไหม?
สับเบรกเกอร์ = ประหยัดไฟ จริงหรือมั่ว?
ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงและข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับการสับเบรกเกอร์เพื่อประหยัดไฟ:
ความจริงเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน:
การสับเบรกเกอร์หลังจากปิดเครื่องปรับอากาศสามารถประหยัดไฟได้จริง แต่ปริมาณที่ประหยัดได้นั้นน้อยมากจนแทบไม่มีนัยสำคัญ เหตุผลคือ แม้ว่าเราจะปิดเครื่องปรับอากาศด้วยรีโมทคอนโทรลแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้สับเบรกเกอร์ เครื่องปรับอากาศยังคงมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณเล็กน้อย ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “กระแสไฟฟ้ารั่วไหล” หรือ “Standby Power” ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของเครื่องใช้ไฟฟ้าสมัยใหม่ที่มีระบบพร้อมใช้งาน
ปริมาณพลังงานที่สูญเสีย:
ปริมาณไฟฟ้าที่รั่วไหลในสภาวะ Standby นี้มีค่าน้อยมาก โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1-2 วัตต์ต่อชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเทียบกับการใช้งานปกติของเครื่องปรับอากาศที่อาจใช้ไฟฟ้าหลายร้อยถึงหลายพันวัตต์ต่อชั่วโมง จะเห็นได้ว่าปริมาณไฟฟ้าที่รั่วไหลนี้แทบไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าโดยรวม หากคำนวณเป็นค่าไฟฟ้า อาจจะมีมูลค่าเพียงไม่กี่สตางค์ต่อวันเท่านั้น ซึ่งแทบไม่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายรายเดือนอย่างมีนัยสำคัญ
ความสะดวกในการใช้งาน:
การสับเบรกเกอร์ทุกครั้งหลังการใช้งานเครื่องปรับอากาศอาจไม่สะดวกในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ใช้มีแผนที่จะเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศอีกครั้งในเวลาไม่นานนัก การสับเบรกเกอร์บ่อยครั้งอาจทำให้เสียเวลาและอาจส่งผลต่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ การเปิด-ปิดเบรกเกอร์บ่อยครั้งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าในบ้านได้ในระยะยาว
ผลกระทบต่อระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศ:
เครื่องปรับอากาศสมัยใหม่หลายรุ่นมีระบบการทำงานที่ซับซ้อน เช่น ระบบตั้งเวลา ระบบควบคุมความชื้น หรือระบบทำความสะอาดตัวเอง การสับเบรกเกอร์บ่อยครั้งอาจรบกวนการทำงานของระบบเหล่านี้ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงหรือต้องตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่เปิดใช้งาน ซึ่งอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีในแง่ของการประหยัดพลังงาน
แล้วควรทำยังไงดีล่ะ? มีวิธีประหยัดไฟที่ดีกว่าไหม?
แทนที่จะมาเสียเวลากับการสับเบรกเกอร์ทุกครั้งที่ปิดแอร์ ผมขอแนะนำวิธีประหยัดไฟที่ได้ผลดีกว่าเยอะครับ:
- ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม: แนะนำที่ 25-26 องศา ซึ่งเย็นสบายและประหยัดไฟ
- ทำความสะอาดแอร์สม่ำเสมอ: แอร์สะอาดทำงานได้มีประสิทธิภาพ กินไฟน้อยลง
- ใช้ผ้าม่านหรือฟิล์มกันความร้อน: ช่วยลดภาระการทำงานของแอร์ได้เยอะ
- ปิดแอร์ก่อนออกจากห้อง 30 นาที: ใช้ความเย็นที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า
- เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5: ประหยัดไฟได้มากกว่าแอร์ทั่วไป
วิธีเหล่านี้จะช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าการสับเบรกเกอร์หลายเท่าเลยล่ะครับ!
สรุป: สับหรือไม่สับ นั่นไม่ใช่คำถาม!
จากที่เราคุยกันมาทั้งหมด สรุปได้ว่าการสับเบรกเกอร์หลังปิดแอร์นั้นช่วยประหยัดไฟได้จริง แต่น้อยมาก ๆ จนแทบไม่คุ้มค่าที่จะทำ
แต่ถ้าคุณจะปิดแอร์เป็นเวลานาน เช่น ไปเที่ยวหลายวัน หรือไม่ได้ใช้แอร์เป็นเดือน ๆ การสับเบรกเกอร์ก็เป็นเรื่องที่ควรทำนะครับ เพื่อความปลอดภัยและประหยัดไฟในระยะยาว
สุดท้ายนี้ อยากฝากไว้ว่า การประหยัดไฟนั้นดี แต่อย่าลืมดูแลแอร์ของคุณด้วยนะครับ เพราะแอร์ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดไฟ และอยู่กับคุณไปนาน ๆ
และถ้าคุณกำลังมองหาบริการดูแลแอร์ที่ไว้ใจได้ ผมขอแนะนำร้านวัฒนาแอร์เลยครับ! ที่นี่มีทีมช่างมืออาชีพที่พร้อมจะช่วยดูแลแอร์ของคุณให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการล้าง ซ่อม หรือติดตั้งใหม่ พวกเขาพร้อมให้บริการด้วยความใส่ใจและราคาเป็นกันเอง
สนใจล่ะก็ ลองเข้าไปที่เว็บไซต์ได้เลยนะครับ รับรองว่าคุณจะได้นอนหลับสบายในห้องเย็นฉ่ำ แถมยังประหยัดค่าไฟไปในตัวอีกด้วย! อย่าลืมดูแลแอร์ของคุณกันนะครับ เพราะแอร์ที่ดูแลอย่างดี ก็จะดูแลคุณกลับเช่นกัน!