แอร์แบบตั้งพื้น กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มคนที่ต้องการความยืดหยุ่นในการติดตั้งและย้ายเครื่องปรับอากาศได้สะดวก โดยเฉพาะในตลาดมือสอง ราคาที่ถูกกว่าเครื่องใหม่ถึง 40-60% ทำให้หลายคนหันมาสนใจ แต่คำถามคือ การซื้อแอร์เคลื่อนที่มือสองนั้นคุ้มค่าจริงหรือไม่? มีอะไรที่ต้องระวังบ้าง? วันนี้เรามาดูกันว่าก่อนตัดสินใจซื้อ คุณควรรู้อะไรบ้าง เพื่อให้ได้เครื่องปรับอากาศที่คุ้มค่าและใช้งานได้นาน ไม่ต้องเสียเงินซ่อมแซมบ่อยๆ ในภายหลัง
ทำไมถึงนิยมซื้อแอร์แบบตั้งพื้นมือสอง
ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้น การซื้อแอร์แบบตั้งพื้นมือสองกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายกลุ่มคน โดยเฉพาะคนที่เช่าบ้านหรือคอนโด ที่ไม่สามารถติดตั้งแอร์ติดผนังได้ หรือต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ เครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นหรือที่เรียกกันว่าแอร์เคลื่อนที่นั้น ไม่ต้องเจาะผนังหรือติดตั้งยุ่งยาก เพียงแค่เสียบปลั๊กและต่อท่อระบายอากาศร้อนออกหน้าต่างก็ใช้งานได้ทันที
ทำให้ประหยัดค่าติดตั้งและสามารถนำติดตัวไปได้เมื่อย้ายบ้าน ราคาเครื่องใหม่อยู่ที่ประมาณ 15,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับ BTU และแบรนด์ แต่ถ้าซื้อมือสองอาจได้ในราคาเพียง 6,000-15,000 บาทเท่านั้น ทำให้คนที่มีงบจำกัดสามารถเข้าถึงความเย็นสบายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังเหมาะกับการใช้งานชั่วคราว เช่น ในห้องเก็บของ โกดัง หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถติดตั้งแอร์ถาวรได้ ทำให้แอร์แบบตั้งพื้นมือสองมีตลาดรองรับที่กว้างขวางและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง
ข้อดีของแอร์แบบตั้งพื้นมือสอง
เมื่อพูดถึงการซื้อแอร์เคลื่อนที่มือสอง หลายคนอาจกังวลเรื่องคุณภาพ แต่ถ้าเลือกดีจริงๆ ก็มีข้อดีหลายอย่างที่น่าสนใจ:
- ราคาถูกกว่าเครื่องใหม่เกือบครึ่ง – ประหยัดเงินได้มากโดยเฉพาะแบรนด์ดังที่เครื่องใหม่แพงมาก แต่มือสองราคาลดลงอย่างคุ้มค่า
- ไม่ต้องติดตั้งยุ่งยาก – เสียบปลั๊กใช้ได้เลย ไม่มีค่าติดตั้ง ไม่ต้องเจาะผนัง เหมาะกับคนเช่าหรือย้ายบ้านบ่อย
- ย้ายได้สะดวก – พกพาไปไหนมาไหนได้ง่าย ใช้ในห้องไหนก็ได้ ไม่ต้องมีแอร์ทุกห้อง
- เหมาะกับงบจำกัด – สำหรับนักศึกษา คนทำงานใหม่ หรือใครที่ต้องการเครื่องปรับอากาศราคาประหยัด
- ได้แบรนด์ดีราคาถูก – อาจได้แบรนด์เกรดพรีเมียมที่ถ้าซื้อใหม่จะแพงเกินงบ แต่มือสองราคาเอื้อมถึง
- ใช้งานทันที – ไม่ต้องรอนัดช่างติดตั้ง สะดวกสำหรับคนที่ต้องการใช้งานเร่งด่วน
ข้อควรระวังก่อนซื้อแอร์แบบตั้งพื้นมือสอง
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การซื้อเครื่องปรับอากาศมือสองก็มีความเสี่ยงที่ต้องคำนึง หากไม่ระมัดระวังอาจได้เครื่องที่มีปัญหาและต้องเสียเงินซ่อมเพิ่มในภายหลัง:
- อายุการใช้งานเหลือน้อย – แอร์แบบตั้งพื้นส่วนใหญ่มีอายุใช้งานประมาณ 5-8 ปี ถ้าเครื่องที่ซื้อมีอายุมากแล้ว อาจใช้ได้อีกไม่นาน
- ประสิทธิภาพลดลง – เครื่องเก่าอาจไม่เย็นเท่าเดิม กินไฟมากขึ้น คอมเพรสเซอร์อ่อนแรง ทำให้ค่าไฟพุ่งได้
- ค่าซ่อมแซมสูง – ถ้าชิ้นส่วนสำคัญเสีย เช่น คอมเพรสเซอร์หรือคอยล์ ค่าซ่อมอาจใกล้เคียงกับราคาเครื่องมือสอง
- ไม่มีประกัน – ซื้อจากบุคคลทั่วไปมักไม่มีการรับประกัน ถ้าพังก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
- อะไหล่หายาก – บางรุ่นเก่าๆ หาอะไหล่ยาก ซ่อมแพง หรือบางทีหาช่างที่รับซ่อมไม่ได้
- ปัญหาแอบแฝง – อาจมีปัญหาที่ไม่เห็นทันที เช่น แอร์รั่ว คอมเพรสเซอร์กำลังจะเสีย หรือวงจรไฟฟ้าผิดปกติ
จุดที่ต้องเช็กก่อนตัดสินใจซื้อ
การตรวจสอบแอร์เคลื่อนที่มือสองอย่างละเอียดก่อนซื้อจะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจแค่เห็นราคาถูก ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อเช็กสภาพจริงของเครื่อง เพราะความผิดพลาดเล็กน้อยอาจทำให้เสียเงินเพิ่มในภายหลัง นี่คือสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจ:
ตรวจสอบอายุและประวัติการใช้งาน
ถามเจ้าของเดิมว่าซื้อเครื่องมาเมื่อไหร่ ใช้งานบ่อยแค่ไหน และมีประวัติการซ่อมแซมหรือไม่ แอร์แบบตั้งพื้นที่มีอายุน้อยกว่า 3 ปีและดูแลดีถือว่ายังใช้งานได้อีกนาน ควรขอดูเอกสารซื้อขายเดิมหรือใบรับประกันถ้ามี
ทดสอบการทำงานจริง
ขอเปิดทดสอบเครื่องอย่างน้อย 15-30 นาที ดูว่าเย็นดีไหม มีเสียงผิดปกติหรือไม่ น้ำหยดหรือเปล่า กลิ่นมีปัญหาไหม ลองปรับอุณหภูมิและความแรงลมดูว่าตอบสนองปกติหรือไม่ สังเกตว่าคอมเพรสเซอร์ทำงานต่อเนื่องหรือหยุดบ่อยผิดปกติ
ตรวจสภาพภายนอกและภายใน
ดูรอยบุบ รอยขีดข่วน สนิมที่ครีบคอยล์ ถ้าสภาพภายนอกแย่อาจบ่งบอกว่าการใช้งานไม่ดี ถอดฟิลเตอร์ดูว่าสะอาดหรือเต็มไปด้วยฝุ่น ซึ่งบอกถึงการดูแลรักษา ส่องไฟดูคอยล์เย็นว่ามีคราบสกปรกหรือมีน้ำมันรั่วหรือไม่
เช็กเอกสารและอุปกรณ์ประกอบ
ต้องมีสายไฟ รีโมท ท่อระบายอากาศ และคู่มือการใช้งานครบ ถ้าขาดอุปกรณ์ต้องซื้อเพิ่มซึ่งอาจแพง ดูว่ารีโมทใช้งานได้ปกติไหม ปุ่มต่างๆ ตอบสนองดีหรือไม่
แอร์แบบตั้งพื้นมือสอง vs ซื้อใหม่
เมื่อต้องเลือกระหว่างซื้อแอร์แบบตั้งพื้นมือสองกับซื้อเครื่องใหม่ ต้องพิจารณาหลายปัจจัย ถ้าคุณมีงบจำกัดมาก เช่น 5,000-8,000 บาท และต้องการใช้งานชั่วคราว 1-2 ปี การซื้อมือสองอาจคุ้มค่า แต่ต้องเลือกเครื่องที่อายุไม่เกิน 3 ปี สภาพดี และทดสอบการทำงานแล้วไม่มีปัญหา ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีงบพอที่จะซื้อเครื่องใหม่ราคา 15,000 บาทขึ้นไป ประโยชน์ที่ได้รับคือมีการรับประกัน 1-3 ปี ไม่ต้องกังวลเรื่องซ่อม มีประสิทธิภาพสูงสุด ประหยัดไฟกว่า และใช้งานได้นานถึง 8 ปีหรือมากกว่า ต้องคิดด้วยว่าค่าไฟที่จะจ่ายเพิ่มจากเครื่องเก่าที่กินไฟมากภายใน 2-3 ปี อาจเท่ากับราคาที่ประหยัดไปจากการซื้อมือสองแล้ว อีกอย่างคือความสบายใจ เครื่องใหม่จะมีเทคโนโลยีใหม่ เสียงเงียบกว่า และมีฟังก์ชันเพิ่มเติมอย่างการกรองอากาศที่ดีกว่า สำหรับคนที่ใช้แอร์ทุกวันทั้งวันควรลงทุนซื้อเครื่องใหม่ แต่ถ้าใช้แค่นาน ๆ ครั้ง หรือในพื้นที่เฉพาะ เครื่องมือสองก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสม
สรุปแล้วคุ้มไหม?
การซื้อเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นมือสองคุ้มค่าหรือไม่ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน ถ้าเลือกดี ตรวจสอบอย่างละเอียด และได้เครื่องที่อายุน้อย สภาพดี ก็ถือว่าคุ้มค่าและประหยัดเงินได้มาก แต่ถ้าได้เครื่องที่มีปัญหาแอบแฝง ต้องซ่อมบ่อย ก็อาจเสียเงินเพิ่มในระยะยาว สิ่งสำคัญคือต้องทดสอบการทำงานก่อนซื้อทุกครั้ง และถ้าพบว่าแอร์เคลื่อนที่ของคุณมีปัญหาหลังซื้อมา อย่าลืมว่า วัฒนาแอร์ พร้อมให้บริการตรวจเช็ค ซ่อมแซม และบำรุงรักษาแอร์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแอร์แบบตั้งพื้น แอร์ติดผนัง หรือแอร์แบบอื่นๆ ด้วยทีมช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี ราคาเป็นกันเอง พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างถูกวิธี เพื่อให้แอร์ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและอายุการใช้งานยาวนาน.



